เลนส์แว่นสายตา มีกี่แบบ

เลนส์แว่นสายตา มีกี่แบบ

            เลนส์แว่นสายตา แบ่งออกเป็นหลายประเภท มีทั้งเป็นแว่นอ่านหนังสือ , แว่นเฉพาะทางที่ใช้รอบโต๊ะทำงาน , แว่นเฉพาะทางที่ใช้งานภายในออฟฟิศ , เลนส์สองชั้น และ เลนส์โปรเกรสซีฟ ซึ่งแว่นแต่ละประเภทนั้นก็มีข้อดี-ข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน

  1. เลนส์ชั้นเดียว (อ่านหนังสือ) ที่ใช้ได้แค่มองระยะใกล้ได้ระยะเดียว

ข้อดี : ตัวเลนส์เป็นค่าสายตาเดียวทั้งเลนส์ เหลือบไปด้านข้างของตัวเลนส์ก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดอยู่ในระยะนั้น ซึ่งเป็นเลนส์ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย ที่มักเอาไว้ใส่กับแว่นสายตาสั้น หรือ สายตายาว

ข้อจำกัด : หากผู้ใช้มีค่าสายตาซับซ้อน เช่น คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะใช้มองไกลหรือยืดแขนไปอีกหน่อยก็จะมองไม่ค่อยชัด ดังนั้นถ้าจะมองระยะอื่นต้องถอดแว่นคู่นี้ออก

  1. เลนส์เฉพาะทางที่ใช้งานในออฟฟิศ

ข้อดี : ตัวเลนส์แว่นสายตา มีการไล่ค่าสายตามากขึ้น ระยะที่มองสามารถมองได้กว้างขึ้น สบายตามากขึ้น เหมาะแก่การใช้แว่นสายตาเพื่อทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เช่น พนักงานออฟฟิศ

ข้อจำกัด : เนื่องจากมีการไล่ค่าสายตามาขึ้น ดังนันจึงเริ่มมีภาพบิดเบือน (Distortion) บริเวณด้านข้างของตัวเลนส์ และถึงแม้มองได้ไกลขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ถ้ามองไกลเกินกว่าที่ระยะกำหนดก็จะมองไม่ชัด

  1. เลนส์สองชั้น (Bifocal lens)

ข้อดี : เป็นเลนส์แว่นสายตา ที่มองได้ทั้งไกล–ใกล้ อยู่ในเลนส์อันเดียว มองได้คมชัดไม่มีภาพบิดเบือน(Distortion)บริเวณด้านข้างของตัวเลนส์

ข้อจำกัด : เนื่องจากไม่ได้มีการไล่ค่าสายตาจึงมองได้แค่ไกล และ ใกล้เท่านั้น ไม่มีโซนมองระยะกลาง(คอมพิวเตอร์) และบนตัวเลนส์จะมีเส้นแบ่งการมองเห็นชัดเจน จะเห็นเป็นลักษณะรูปถ้วยอย่างเด่นชัด (โซนมองไกลอยู่นอกถ้วย โซนอ่านหนังสือคือบริเวณตัวรูปถ้วย) จึงดูไม่ค่อยสวยงามเท่าเลนส์โปรเกรสซีฟ

  1. เลนส์โปรเกรสซีฟ( Progressive lens)

ข้อดี : เป็นเลนส์แว่นสายตา ที่มองได้ทุกระยะทั้ง ไกล-กลาง-ใกล้ ในเลนส์เดียว ให้ขอบเขตการมองเห็นที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เป็นเลนส์ไร้รอยต่อจึงมีความสวยงามคล้ายเลนส์ชั้นเดียว

ข้อจำกัด : เลนส์มีการไล่ค่าสายตาจึงทำให้เกิดภาพบิดเบือนบริเวณด้านข้างของตัวเลนส์ ต้องอาศัยการก้มหน้าหรือเงยหน้าในการหาโฟกัสของตัวเลนส์ให้ตรงกับตำแหน่งที่ผู้สวมใส่จะโฟกัส ทำให้ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและปรับตัวให้เคยชิน โดยหากใช้เลนส์โปรเกรสซีฟสำหรับทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาจะทำให้ปวดคอหรือเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ เพราะต้องเงยหน้าเล็กน้อยตลอดเวลา

            นอกเหนือจากชนิดของเลนส์ที่เราต้องเลือกแล้วนั้น ก็ยังมี Coating Option หรือคุณสมบัติของเลนส์ที่เราต้องเลือกใส่เข้าไปด้วยเช่นกัน เช่น

 1 : เลนส์มัลติโค๊ต ( MultiCoated Lens ) เลนส์แว่นตาส่วนใหญ่ เกือบ 90% เป็นเลนส์มัลติโค๊ต ซึ่งเป็นโค๊ตเริ่มต้นของแว่นสายตาทั่วๆไป

ข้อดีของเลนส์มัลติโค้ต สามารถยืดอายุการใช้งานของเลนส์แว่นตาได้ โดยป้องกันรอยขีดขวน แล้วทำให้ให้ผิวของเลนส์มีช่องว่างที่น้อยลง หรือผิวเรียบมากขึ้น ทำให้เลนส์ป้องกันการเกาะของน้ำ ฝุ่น รอยนิ้วมือหรือสิ่งสกปรกได้มากขึ้น ตัดแสงสะท้อนที่ผิวเลนส์ทั้งด้านในและด้านนอก ทำให้เลนส์แว่นตามีความใสมากขึ้น สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นมากกว่าเลนส์ธรรมดาที่ไม่เคลือบโค้ต สามารถป้องกันแสง UV ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคตาต่างๆ ได้ เช่น ต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก โดยสารเคลือบโค้ตบนเลนส์แว่นเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องดวงตาจากแสง UV โดยเฉพาะลูกค้าที่มีลักษณะงานหรือกิจกรรมที่ต้องออกไปอยู่กลางแจ้งบ่อย ๆ

 2 : เลนส์บลูบล็อค (Blue Block Lens) เป็นเลนส์แว่นตาที่ทำหน้าที่ตัดแสงสีฟ้าหรือแสงสีน้ำเงิน ที่ออกมาจากอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ เช่น มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือหลอดไฟ LED ตามบ้านเรือน แสงสีฟ้าจะส่งผลในการทำลายจอประสาทตา เมื่อใช้งานดวงตาหน้าอุปกรณ์ดิจิตอลสะสมเป็นระยะเวลานานๆ อีกทั้งยังมีงานวิจัยทดลองว่าเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม โดยเลนส์บลูบล็อค หรือ แว่นกรองแสงสีฟ้า สามารถทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตาขึ้นเมื่อต้องจ้องมองจอเป็นระยะเวลานานๆ แถมยังช่วยลดอาการตาแห้งได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากการที่เราสวมใส่แว่นแล้วสบายตา จะช่วยให้การกระพริบตาของเราเป็นธรรมชาติมากขึ้น

3 : เลนส์มัลติโค๊ตเปลี่ยนสี หรือ เลนส์ออโต้ (Auto Lens) เลนส์จะเปลี่ยนสีตามสภาวะแสงที่ไวต่อแสง UV เลนส์ออโต้จะปรับความเข้มของสี ตามความเข้มของ UV ที่เราเจอ โดยเลนส์ชนิดนี้สามารถป้องกันได้ทั้งแสง UV และแสงสีน้ำเงิน อีกทั้งยังสามารถลดความจ้าของแสง เปรียบเสมือนเป็นแว่นกันแดดให้กันผู้ที่สวมใส่

ปรึกษา / นัดคิวตรวจสายตา
🔹 Line id : @Siamglasses
🔹 โทรศัพท์ : 092-1234-957

author avatar
Siamglasses Optical